มาทำความรู้จักอุตสาหกรรมของเจลาตินกัน ว่าเค้าใช้ทำอะไรกันได้บ้าง หลายคนยังไม่รู้ว่าใช้ทำอะไร ด้วยคุณสมบัติที่มีความนุ่ม ยืดหยุ่น และความสามารถในการค่อยๆละลายในปากจึงทำให้เจลาตินกลายเป็นส่วนประกอบในอาหารที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง ใน เยลลี่ ชอคโกแล๊ต หมากฝรั่ง กัมมี่ และของหวานชนิดอื่นๆอีกมากมาย ประกอบกับคุณสมบัติที่สามารถก่อให้เกิดเป็นโฟมและความทนต่อแรงตึงผิวอย่างเป็นเลิศจึงทำให้มีการนำมาใช้เป็นส่วนประกอบใน มาร์ชเมลโล (Marshmallow) ท๊อฟฟี่ (Toffee) และซูเฟล (Souffles) และด้วยคุณสมบัติยึดเกาะที่เหนียวมากจึงช่วยเป็นตัวประสาน (Binder) ในแฮมและไส้กรอกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเจลาตินยังเป็นส่วนประกอบของอาหารประเภทอื่นๆ เช่น ไอศกรีม น้ำผลไม้ ไวน์ และอาหารอื่นๆ อีกมากมาย
คุณสมบัติของเจลาตินที่ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารชนิดต่างๆจะแตกต่างกันไปทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ใช้และการใช้งาน แต่โดยปกติแล้วเจลาตินมีความแข็งของเจลอยู่ที่ 80 ถึง 280 บลูม (Bloom) และมีความหนืดอยู่ที่ 20 ถึง 45 mps ในกรณีของขนมมาร์เมลโล หรือ เยลลี่ จะใช้เจลาตินมากกว่า 200 บลูม
คุณสมบัติของเจลาตินที่ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารชนิดต่างๆจะแตกต่างกันไปทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ใช้และการใช้งาน แต่โดยปกติแล้วเจลาตินมีความแข็งของเจลอยู่ที่ 80 ถึง 280 บลูม (Bloom) และมีความหนืดอยู่ที่ 20 ถึง 45 mps ในกรณีของขนมมาร์เมลโล หรือ เยลลี่ จะใช้เจลาตินมากกว่า 200 บลูม
เป็นยังไงจ๊ะ รู้จักเจลาตินมากขึ้นหรือยัง ถ้ามองหาเจลาตินอยู่ ก็ให้เจลาตินฮาลาลคือคำตอบสิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น